เสียงเคาะประตูดังรัวขึ้นที่หน้าห้องนอน
ปลุกให้อนาคินรู้สึกตัว งัวเงียตื่นขึ้นมา ชายหนุ่มทอดสายตามองคนตัวเล็กในอ้อมกอด
ที่กำลังนอนหลับสนิทด้วยความเอ็นดู ก่อนจะก้มลงจุมพิตที่หน้าเนียนอย่างแผ่วเบา
ปัดไรผมที่ปกหน้าหญิงสาวอย่างอ่อนโยนและเบามือที่สุด
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มถึงกับทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจ
จำใจขยับออกห่างจากร่างบางอย่างเสียงดาย คว้าเสื้อคลุมมาสวมใส่
ทำหน้าถมึงทึงเดินไปเปิดประตูห้อง
“ไงเพื่อน
หนักเลยสิวะ ถึงได้ตื่นสายโด่งขนาดนี้” เควินถามหน้าระรื่น
แถมชะโงกหน้าเข้าไปดู พร้อม สอดส่องสมรภูมิรบที่เกิดขึ้นเมื่อคืนภายในห้องนอน
จนอนาคินขยับตัวเข้ามาขวาง สายตาสอดรู้สอดเห็นของเพื่อนรัก
เพราะกลัวเควินจะเห็นหญิงสาวที่เปลือยร่าง นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอน
บอกได้คำเดียวว่าเขาหวง
“ถอยไปไกลๆ เลยแก
ก่อนที่จะโดนบาทาประทับที่หน้าหล่อๆ ของแก เรื่องเมื่อคืนยังไม่ได้ชำระความเลย”
อนาคินกระชากคอเสื้อเพื่อนรักไปที่ห้องรับแขกทันที
กลัวเสียงจะดังไปรบกวนสาวน้อยของเขา ภายในห้องนอน
“อะไรวะคิน
ฉันช่วยแกนะโว้ย! ทำคุณบูชาโทษแท้ๆ” เควินโวยใส่เพื่อนรักทันที
“หวังดีของแกเหรอวะแบบนี้
แล้วฉันจะมองหน้าน้าธีกับแม่แพทได้สนิทใจได้ยังไงวะ”
ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองเลวมาก แทนที่จะดูแลปกป้องเพียงตะวัน
น้องน้อยที่เขารักสุดหัวใจ กลับมาเป็นคนทำลายเธอ ด้วยมือของเขาเอง
“รู้แบบนี้
น่าจะปล่อยให้ยัยแอนนี่งาบไปเลย ยังจะดีเสียกว่าอีก” เควินพูดด้วยสุ้มเสียงน้อยอกน้อยใจ
ทีเล่นทีจริง แต่อนาคินกลับยิ้มไม่ออก มีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นมา
เมื่อนึกถึงอดีตคู่ควง ถ้าเควินไม่บังเอิญมาเจอเข้าเสียก่อน
ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง และตัวเขาจะทนฤทธิ์ยาได้นานแค่ไหน
สิ่งสำคัญที่สุด เขาอาจจะต้องสูญเสียน้องน้อยเพียงตะวันไปตลอดกาลก็เป็นได้
“ฉันขอบใจแกมากนะเคน
ขอบใจแกจริงๆ” อนาคินตบไหล่เพื่อนรักเต็มแรง
ด้วยความซาบซึ้งใจ
“เจ็บนะโว้ย
ตบลงมาได้” เควินบ่นพึมพำ ลูบหัวไหล่ให้บรรเทาความเจ็บลงบ้าง
“แค่นี้ ทำมาสำออย
ฉันไม่ใช่สาวๆ ของแกนะโว้ย” อนาคินลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
เดินไปที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่ม ชงกาแฟหอมกรุ่น
และไม่ลืมที่จะชงเผื่อให้เจ้าของห้อง
“ขอบใจ” เควินรับแก้วกาแฟทรงสวยและวางลงตรงหน้า
“แล้วแกจะจัดการกับตัวต้นเรื่องอย่างไงวะ”
เควินอ่านความคิดเพื่อนรักไม่ออก ยากเกินจะเดาได้
“ไม่รู้สิ
แต่ฉันไม่คิดเลยว่าแอนนี่เขาจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ เรื่องระหว่างฉันกับแอนนี่
คงไม่มีอะไรต้องติดค้างกันอีก แม้แต่ความเป็นเพื่อน” ตัวอนาคินเองก็ไม่คาดว่าอดีตคู่ควง
จะกล้าทำเรื่องที่น่าอับอายแบบนี้ เพราะเธอเคยวางตัวดีมาตลอด
จนทำให้เขาเชื่อเธอได้สนิทใจ ถ้าเขาไม่ได้สัมผัสหรือเจอด้วยตัวเอง
ก็คงไม่มีวันเชื่อ
“เขาถึงว่ารู้หน้าไม่รู้ใจไงวะ
แต่ยัยนั่นคงได้ใจสิวะ แกอย่าใจอ่อนกับผู้หญิงคนนี้นะโว้ย บอกตรงๆ
ฉันสงสารน้องตะวัน” เควินเตือนสติเพื่อนรัก
ก่อนขอตัวกลับไปทำงานต่อ ปล่อยให้เพื่อนรักครอบครองห้องพักชั่วคราวไปก่อน
ส่วนอนาคินหลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ
ก็ออกมาเตรียมอาหารมื้อเช้า ให้ภรรยาป้ายแดงของเขาทานสุดฝีมือ
เขามีความสุขทุกครั้ง ที่ได้ทำอะไรเพื่อเธอ
คงถึงเวลาที่เขาจะใช้ชีวิตร่วมกับเธอสักที
“ตะวันครับ
ตื่นมาทานอาหารเช้าก่อน แล้วค่อยไปนอนต่อ” ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งข้างๆ
สาวน้อยที่มีใบหน้าแดงก่ำ ปรือตาขึ้นมามอง
“พี่คินขา
ตะวันปวดหัว ปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวเลยค่ะ” เสียงแหบแห้งเพราะฤทธิ์ไข้เล่นงาน
จนชายหนุ่มร้อนรน แตะที่หน้าผาก และซอกคอขาวนวล ด้วยความเป็นห่วง
รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้หญิงสาวต้องล้มป่วย
“ตัวร้อนจี๋เลยตะวัน
เดี๋ยวพี่เช็ดตัวให้นะคนดี” ชายหนุ่มก้มจรดริมฝีปากอุ่นที่แก้มเนียน
ก่อนจะหันไปหาอุปกรณ์มาเช็ดตัวให้หญิงสาว และเขาหวังว่าจะให้ไข้ลดลงบ้าง
ชายหนุ่มค่อยๆ บรรจงเช็ดตามร่างกายของเธออย่างอ่อนโยน
มองร่องรอยตามลำตัวหญิงสาวที่เขาทำทิ้งไว้ ด้วยสีหน้าที่เศร้าสลด
เพราะความเอาแต่ใจของเขาแท้ๆ
“พี่คินตะวันหนาว”
หญิงสาวพอมีสติอยู่บ้าง
รู้สึกอับอายที่นอนให้ชายหนุ่มเช็ดตัวอยู่แบบนี้ แต่ขยับตัวทีไร
ก็ต้องปวดร้าวไปทั้งร่างด้วยความทรมาน
“แต่ไข้ตะวันยังไม่ลดเลยนะครับ”
ชายหนุ่มไม่ยอมหยุด มุ่งมั่นที่จะเช็ดตัวหญิงสาวต่อไป อย่างตั้งใจ
บางครั้งก็แอบกลืนน้ำลายเหนียวลงลำคออย่างยากเย็น เผลอมองร่างบางตาปรอย
ก่อนจะหักห้ามใจตัวเอง หาเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวยาวของเควินมาให้หญิงสาวสวมใส่
แก้ขัดไปก่อน
“พี่โทรไปตามหมอมาแล้วนะ
อีกสักพักก็คงมา” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกับหญิงสาว
ก้มจุมพิตหน้าผากเนียนเบาๆ เอื้อมมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าแดงก่ำ
เพราะถูกพิษไข้เล่นงานจนน่าสงสาร ชายหนุ่มสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับหญิงสาว
ร่างบางเบียดกายเข้ามาหาร่างใหญ่ เพื่อความอบอุ่น และผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
เสียงกริ่งที่หน้าประตูดังขึ้น ชายหนุ่มจึงขยับกาย ออกจากร่างบางอย่างช้าๆ
“ทำไมมาช้าจังวะ
ถ้าคนเป็นโรคหัวใจ ก็คงหัวใจวาย ช็อกตายกันไปก่อนพอดี” ทันทีที่เพื่อนรักโผล่หน้ามา
ชายหนุ่มโวยใส่ทันที แถมทำหน้าตาเคร่งเครียดใส่อีกต่างหาก
“อะไรของแกวะ
ฉันก็รีบมาสุดๆ แล้ว พึ่งออกจากห้องผ่าตัด ก็รีบบึ่งรถมาที่นี่เลย
แล้วไหนคนไข้ของฉันอยู่ไหน จะได้รีบๆ ไปรักษาให้เสร็จๆ อาการปางตายหรือไง
ถึงได้ดูร้อนใจแบบนี้” คำพูดไม่เป็นมงคลของเพื่อนรัก
ทำให้อนาคินแทบอยากจะเข้าไปชก ให้หน้าหงาย
“แฟนแกสิอาการปางตาย
ชักช้าอยู่นั้นแหละ เร็วๆ ตามฉันมา” อนาคินเดินนำไปที่ห้องนอน
หมอหนุ่มรู้สึกแปลกใจไม่น้อย ที่เจอเพียงตะวันคู่หมั้นเพื่อนรักนอนอยู่ที่นี่
“เฮ้อ...น้องเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงวะคิน”
หมอหนุ่มถามขึ้นด้วยความสงสัย
“อย่าถามมากน่าเจ้าพี
รีบๆ รักษาสักทีสิวะ” อนาคินรู้สึกกระวนกระวายใจไม่น้อย
“เอ่อ...กำลังทำอยู่นี่แหละ
เร่งอยู่ได้” หมอพีระพลส่ายหน้าให้กับความใจร้อนของเพื่อนรัก
และหันไปสนใจคนไข้แทน
“ไข้ขึ้นสูงมาก
ฉันคงต้องฉีดยาให้สักเข็ม” หมอพีระพลดึงผ้าห่มปกคลุมร่างกายคนไข้ออก
ร้อนถึงอนาคิน ต้องรีบตะครุบไว้แทบไม่ทัน เพราะกลัวเพื่อนรักจะเห็นของสวยๆ งามๆ
ของหญิงสาว บอกคำเดียวว่าหวงเป็นที่สุด
“อะไรของแกอีกวะเจ้าคิน”
หมอหนุ่มมองเพื่อนรักอย่างไม่เข้าใจ
“แล้วแกดึงผ้าห่มออกทำไมวะ”
เขาถามกลับด้วยสุ้มเสียงไม่พอใจ
“ฉันว่าแกออกไปรอข้างนอกดีกว่า
ถ้าขืนแกยังอยู่ มีหวังฉันตรวจคนไข้ของฉันไม่เสร็จแน่”
“ฉันไม่ไว้ใจแก
ในบรรดาเพื่อนๆ แกกะล่อนมือไวที่สุด” อนาคินพูดดักคอเพื่อนรัก
และมองอย่างไม่ไว้ใจ
“แกไม่ต้องมามองฉัน
ด้วยสายตาแบบนั้นเลยเจ้าคิน ฉันมีจรรยาบรรณพอ ไม่ลวนลามคนไข้หรอกน่า” หมอหนุ่มชักหงุดหงิด หันไปจัดยาให้คนไข้ แทนการฉีดยา
เพราะเจ้าของเขาหวงยิ่งกว่าจงอางหวงไข่เสียอีก
“นี่ยาฉันจัดไว้ให้แล้ว
ให้น้องเขาพักผ่อนมากๆ จะทำอะไรก็ถนอมน้องเขาหน่อยแล้วกัน” ทำให้อนาคินอึกอักจนพูดไม่ออก
“แกจะกลับแล้วใช่มั้ย
ฉันจะเดินไปส่ง” หมอหนุ่มชักสีหน้าใส่ ด้วยความไม่พอใจ
“แกใช้งานฉันเสร็จ
ก็จะไล่เลยหรือไงวะ”
“คนไข้แกอาจจะรอยู่ก็ได้”
อนาคินรีบไปช่วยเพื่อนรักเก็บกระเป๋าเครื่องมือแพทย์
แถมมีน้ำใจถือออกมาให้อีกต่างหาก
“ขอบใจแกมากนะเจ้าพี”อนาคินตบไหล่เพื่อนรัก
“เอ่อ...ไม่เป็นไร
มีข่าวดีเมื่อไหร่บอกด้วย อยากเห็นเพื่อนเจ้าสาววะ”
“ไอ้ห่า! มีแต่เรื่องผู้หญิงเต็มสมองเลยนะแก” อนาคินส่ายหน้าให้อย่างอ่อนใจ
“ก็ของมันชอบนี้
ห้ามลอกเลียนแบบด้วย สงวนลิขสิทธิ์นะโว้ย”
“เอ่อ...ฉันไม่ลอกเลียนแบบแกหรอก
ฉันมีเพชรอยู่ในมือ ไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด” หมอพีระพลรู้สึกดีใจไปกับเพื่อนรักด้วย
“ฉันดีใจด้วยที่แกได้เจอรักแท้
งั้นฉันกลับก่อนนะคิน มีอะไรโทรหาได้ตลอด” อนาคินเดินไปส่งเพื่อนรักที่หน้าประตู
“ฉันขอบใจแกมากว่ะ
แล้วค่อยนัดเจอกัน” หลังจากเพื่อนรักกลับไปแล้ว
อนาคินก็อุ่นข้าวต้มที่เขาทำไว้ ยกไปให้หญิงสาวทานถึงที่ห้อง
“ตะวันลุกมาทานข้าวก่อนครับ”
น้ำเสียงนุ่ม กระซิบที่ข้างใบหูขาว
เพียงตะวันขยับเปลือกตาขึ้นมาอย่างยากเย็น จนอนาคินรีบประคองหญิงสาวขึ้นมา
ด้วยความเป็นห่วง
“ตะวันไม่หิวค่ะพี่คิน”
หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ
“ถ้าไม่ทานข้าว
แล้วจะทานยาได้ยังไงครับ” น้ำเสียงอ่อนใจ
เมื่อคนไข้เริ่มดื้อรั้น ไม่เชื่อฟัง
“ตะวันนอนสักพักก็คงหายค่ะ”
หญิงสาวเบี่ยงตัวจะล้มตัวลงนอน แต่กลับถูกมือหนารั้งไว้เสียก่อน
“อย่าดื้อสิครับ
ถ้าตะวันไม่ทาน พี่ไม่ปล่อยให้กลับบ้านนะครับ” ดวงตาคู่สวยเบิกตาโพลง
ป่านนี้มารดาคงรอเธอกลับบ้าน
“พี่คิน
ตะวันขอโทรศัพท์หน่อยค่ะ” ชายหนุ่มทำตามอย่างว่าง่าย
แต่กลับไม่ยอมยื่นให้
“เรามาตกลงกันก่อน”
เพียงตะวันหลับตาลงเพราะรู้สึกอ่อนแรง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาถาม
“ข้อ...ตกลงอะไรคะพี่คิน”
ร่างใหญ่ทรุดตัวนั่งลงที่ขอบเตียง
“ตะวันต้องสัญญากับพี่ก่อน
ว่าจะทานข้าวหลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ โอเคมั้ยครับ” หญิงสาวจำใจพยักหน้า
รีบค้นหาเบอร์ โทรไปหามารดาทันที และได้เอ่ยขออนุญาตท่าน ว่าอาจจะกลับบ้านตอนค่ำๆ
“ทานข้าวได้แล้วครับ”
เพียงตะวันจำใจฝืนทานอาหารตรงหน้า เพียงไม่กี่คำก็หยุดเอาดื้อๆ
ส่ายหน้าปฏิเสธ จนชายหนุ่มอ่อนใจ แต่ก็ยอมตามใจ
“งั้นทานยาที่เจ้าหมอจัดให้นะครับ
จะได้พักผ่อน” หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ รับยามาทาน
รับแก้วน้ำที่ชายหนุ่มยื่นมา ดื่มน้ำตามลงไป
“นอนเถอะครับตะวัน
จะได้หาย” เพียงตะวันค่อยๆ ล้มตัวนอนลง
ชายหนุ่มดึงผ้าห่มมาคลุมร่างบางอย่างอ่อนโยน เพียงไม่กี่นาที ก็หลับตาพริ้มลงด้วยความอ่อนเพลีย
ผสมกับฤทธิ์ยาที่ทานลงไป
หลังจากโทรสั่งงานเลขาเสร็จเรียบร้อย
อนาคินก็กลับมาดูหญิงสาวอีกครั้ง ยื่นมือหนาไปแตะที่แก้มและซอกคอเพื่อวัดไข้
“ความร้อนค่อยลดลงหน่อย”
ชายหนุ่มแทรกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับหญิงสาว
ขยับศีรษะเล็กมาหนุนที่แขนแกร่งของเขา หญิงสาวเบียดตัวเข้ามาหาเขาโดยอัตโนมัติ
เพื่อหาไออุ่นจากร่างใหญ่ ที่กำลังแผ่กระจายออกมาจากตัวชายหนุ่ม